💧 ระบบกรองน้ำบ่อปลาคาร์ฟควรมีอะไรบ้าง?

“กรองกายภาพและชีวภาพ” คือหัวใจของระบบบำบัดน้ำที่ดี

การเลี้ยงปลาคาร์ฟให้แข็งแรง สีสันสดใส และอายุยืน ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่พันธุ์หรืออาหาร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “คุณภาพของน้ำ” และสิ่งที่จะช่วยให้น้ำดีอยู่เสมอก็คือ ระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ ระบบกรองกายภาพ และ กรองชีวภาพซึ่งเป็นสองระบบหลักที่ควรมีในทุกบ่อ

🧱 กรองกายภาพ (Mechanical Filtration) – ขั้นตอนแรกที่ขาดไม่ได้

📌 ทำหน้าที่:

กรอง ของเสียที่มองเห็นได้ เช่น เศษอาหาร อุจจาระปลา ใบไม้ ตะกอน ฯลฯ ก่อนจะไหลไปสู่ระบบกรองต่อไป

🔧 อุปกรณ์ที่นิยม:

✅ ข้อดี:

💡 ควรล้างกรองกายภาพเป็นประจำ เพื่อป้องกันการหมักหมม


🧪 กรองชีวภาพ (Biological Filtration) – ดูแลคุณภาพน้ำในระดับโมเลกุล

📌 ทำหน้าที่:

ใช้จุลินทรีย์ดี (เช่น Nitrosomonas และ Nitrobacter) ย่อยของเสียที่ละลายในน้ำ เช่น แอมโมเนีย (NH₃) → ไนไตรต์ (NO₂⁻) → ไนเตรต (NO₃⁻) ซึ่งปลาทนได้ดีกว่า

🔧 อุปกรณ์ที่นิยม:

✅ ข้อดี:

💡 จุลินทรีย์ต้องการออกซิเจน ควรมีปั๊มลมช่วยให้น้ำในระบบกรองไหลเวียนดี


🔄 การทำงานร่วมกันของระบบกรองกายภาพ + ชีวภาพ

การจัดเรียงระบบกรองที่ดี ควรเป็นลำดับดังนี้:

[บ่อปลา] → [กรองกายภาพ] → [กรองชีวภาพ] → [กลับเข้าสู่บ่อ]

✅ น้ำจะไหลผ่านการกรองสิ่งสกปรกก่อน แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนปรับสมดุลทางชีวภาพ เพื่อให้กลับมาใสและปลอดภัย


📌 สรุป: ถ้าเลี้ยงปลาคาร์ฟ อย่าขาดสองระบบนี้เด็ดขาด

ระบบหน้าที่หลักตัวอย่างอุปกรณ์ความถี่ในการดูแล
กายภาพกรองสิ่งสกปรกที่มองเห็นแปรงกรอง, ใยกรองล้างบ่อย (ทุกสัปดาห์)
ชีวภาพเปลี่ยนของเสียทางเคมีพัมมิส, Bio Ballดูแลน้อย (แค่ไหลเวียนอากาศดี)

🧠 เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับมือใหม่